จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | ภาพยนต์ |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
ขึ้นทำเนียบจับตาย The Fugitive เจ.เอ็ม. ดิลลาร์ด เขียน "วงษ์วรรธ" แปล สำนักพิมพ์สมิต พ.ศ. ๒๕๓๖ มี ๒๕๕ หน้า
จากซีรี่ส์สุดฮิตในช่วงปี 1963 – 1967 มาสู่จอใหญ่กับเรื่องราวที่ยังคงความเยี่ยม Harrison Ford รับบท ดร.ริชาร์ด คิมเบิ้ล คุณหมอผู้ถูกหาว่าฆาตกรรมภรรยาตัวเอง แต่เขาไม่ได้ทำ เขาจึงต้องหลบหนีไปพร้อมๆ กับสืบหาความจริง และระหว่างการหลบหนีนี้ เขาก็โดนตามล่าจาก แซมมวล เจอราร์ด (Tommy Lee Jones กับบทที่ทำให้เขาคว้าออสการ์ไป) ผู้ตรวจการสหรัฐที่ไม่เคยอ่อนข้อให้นักโทษ เราก็มาลุ้นกันล่ะครับว่าหมอคิมเบิ้ลจะสามารถสืบหาฆาตกรตัวจริงได้หรือไม่
ตัวหนังสามารถสร้างความน่าติดตามได้ตลอด 2 ชั่วโมงกว่าๆ พร้อมเหตุการณ์ชวนลุ้นมากมาย ไม่ว่าจะการหนีจากขบวนรถไฟ การโดดจากปากท่อระบายน้ำซึ่งสูงประมาณตึก 10 ชั้น การไล่ล่าในอาคารเรื่อยมาจนถึงกลางงานพาเหรดวันเซนต์แพทริค ซึ่งต้องบอกเลยครับว่าแต่ละฉากทำออกมาได้อย่างเยี่ยม ทั้งลุ้นและฝีมือดาราก็เฉือนกันตลอด รวมไปถึงดนตรีสุดระทึกของ James Newton Howard ที่ทำให้หนังครึ้มๆ ได้ทั้งเรื่อง ไม่ถึงกับเครียดนะครับ แค่ครึ้มๆ หนังเลยไม่เครียดจนเกินไป กำลังดี
ดารานำทั้ง Ford และ Jones ก็ไม่มีใครกินกันลงเลยครับ เล่นได้ดีทั้งคู่ ยิ่งเวลาต้องเข้าฉากกันนี่ก็เต็มฟัดกันล่ะครับ ต้องขอใช้คำว่าถึงอารมณ์ทุกฉาก ยิ่งฉากที่เจอราร์ดยิงปืนใส่คิมเบิ้ล แต่โชคดีที่ประตูกระจกตรงหน้าคิมเบิ้ลปิดพอดี เขาเลยรอด สีหน้าพี่แกสองคนตอนนั้นอัครมหาสุดตรีนครับ หมอคิมเบิ้ลสีหน้าจะประมาณ กลัว + ยังไม่ตายหรือนี่เรา (มีตัวสั่นด้วยครับ) ส่วนหน้าพี่เจอราร์ดนี่ประมาณว่า “ปัดโธ่เว้ย” ทั้งขบกราม ทั้งบิดหน้า โอ้พระเจ้า 2 คนนี้เล่นดีเกินไปแล้วครับ
ยังครับ ยังไม่หมด ดาราดีๆ ที่เป็นสีสันให้หนังยังมีอีก เริ่มจาก Jeroen Krabbe (ตัวร้ายหนังบอนด์ตอน The Living Daylights) มาแสดงเป็น ดร.ชาร์ลส นิโคล เพื่อนสนิทของริชาร์ดที่เล่นได้เฉียบมากๆ ครับ ยิ่งตอนที่เจอราร์ดไปสอบปากคำเขาว่าเขาได้เจอกับคิมเบิ้ลบางมั้ย ท่าทางตอนนั้นกวนโทสะเจอราร์ดได้ดีจริงๆ เลย และอีกคนที่ขโมยซีนได้ดีก็คือ Joe Pantoliano ในบทคอสโม เรนโฟร ผู้ช่วยของเจอราร์ด พี่แกหาเรื่องกวนบาทาได้ตลอดทั้งเรื่องเลยล่ะครับ (ว่ากันว่าบทดั้งเดิมนั้น บทคอสโมนั้นจะต้องตายในตอนท้ายๆ ครับ แต่ Pantoliano ดอดไปเจรจากับผู้สร้างจนในที่สุดผู้สร้างก็ยอมให้คอสโมไม่ตาย ซึ่งก็กลายเป็นผลดีเพราะ Pantoliano ได้กลับมาเล่นเป็นคอสโมอีกหนใน U.S.Marshals)
ในขณะที่ Julianne Moore นั้น ตอนแรกตัวละครของเธอจะมีบทบาทกับเรื่องราวในระดับนางเอกเลยล่ะครับ ประมาณว่าเธอจะมาช่วยคิมเบิ้ลในการตามล่าหาความจริง และคิมเบิ้ลก็จะตกหลุมรักเธอด้วย แต่ในที่สุดบทของเธอก็โดนตัดออกในช่วง Final Cut จนเหลือเท่าที่เห็นครับ ซึ่งจริงๆ ก็ถือเป็นผลดีเพราะนั่นทำให้หนังมีพื้นที่เน้นคิมเบิ้ลกับเจอราร์ดแบบเต็มๆ มากขึ้น
นอกจากนี้บท เนื้อหา การทิ้งปม เป็นไปอย่างน่าติดตามจนเรียกได้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งหนังแนวสืบสวนที่ยอด เยี่ยมที่สุดตลอดกาลอีกเรื่องหนึ่งของโลกภาพยนตร์ครับ
ผลลัพธ์ก็คือ หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะตัวหนัง รายได้ คำวิจารณ์ รวมไปถึงการได้เข้าชิงออสการ์อีก 7 ตัว ได้ชิงในสาขาหนังยอดเยี่ยมด้วยครับ แต่คว้ามาหนึ่ง คือพี่ Tommy นั่นแหละที่เล่นได้ยอดเยี่ยมจนน่าปรบมือให้ซักสามสี่วันติดๆ กันเลยล่ะ (และผมก็บูชาพี่แกตลอดมาครับ)
รู้มั้ยครับ จริงๆ พี่ Tommy ไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกสำหรับบทแซม เจอราร์ดหรอก แต่คนที่ได้ไปก็คือ Jon Voight กับ Gene Hackman แต่ทั้งคู่ก็ไม่เอาครับ บทเลยตกมาเป็นของพี่ Tommy ซึ่งก็ทำให้เขาคว้าออสการ์ไปในที่สุด และพี่ Tommy เองยังแสดงแบบเข้าถึงสุดๆ จนถึงขั้นมีการปรับอะไรบางอย่างในบทให้เข้ากับตัวละครมาขึ้น
ตัวอย่างเช่นบทพูดในท่อระบายน้ำตอนที่คิมเบิ้ลบอกกับเจอราร์ดว่า “I didn’t kill my wife” (ผมไม่ได้ฆ่าเมียผม) ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีบทน่ะเขียนมาให้เจอราร์ดตอบว่า “That isn’t my problem” (นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม) แต่พี่ Tommy ขอให้เปลี่ยนเป็น “I don’t care” (ผมไม่สน) แทน ซึ่งประโยคที่ว่านี่ก็กลายเป็นอีกหนึ่งประโยคเด็ดของหนังทีเดียว ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |