จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | รัฐศาสตร์ และ การเมือง |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
เผชิญภัยคุกคามโลก ศตวรรษที่ 21 กับความมั่นคงที่ยั่นยืน คริส แอ็บบอต พอล โรเจอร์ และจอห์น สโลโบดา สุนทรี เกียรติประจักษ์ แปล Global responses to Global Threats : Sustainable Security for thr 21 st Century chris Abbott,paul roger,John Sloboda สำนักพิมพ์คบไฟ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ มี ๑๒๐ หน้า 9789747669961
หนังสือ 'เผชิญภัยคุกคามโลก: ศตวรรษที่ 21 กับความมั่นคงที่ยั่งยืน' แปลมาจากรายงานเรื่อง 'Global Responses to Global Threats: Sustainable Security for the 21th Century' งานชิ้นนี้เป็นดอกผลมาจากการดำเนินงานวิจัยเกือบ 2 ปี ภายใต้โครงการเคลื่อนไหวสู่ความมั่นคงที่ยั่งยืน (Moving Towards Sustainable Security) ของกลุ่มวิจัยอ็อกซ์ฟอร์ด (Oxford Research Group: ORG) ได้เผยแพร่เป็นเอกสารครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2006 เป็นที่ฮือฮากันมากในหมู่นักนโยบายความมั่นคงและนักกิจกรรมเพื่อสันติภาพ
เมื่อปลายปี 2006 คุณราณี หัสสรังสี ผู้ประสานคณะทำงานวาระทางสังคมมีโอกาสไปเยี่ยมเยือนมิตรเก่าที่สหราชอาณาจักรซึ่งทำงานในองค์กรสันติภาพ Quaker ได้ขอให้แนะนำหนังสือเกี่ยวกับสันติภาพที่น่าสนใจ ก็ได้รับการแนะนำให้อ่านรายงานฉบับนี้ ต่อมาคณะทำงานวาระทางสังคม สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงจัดแปลรายงานฉบับนี้เป็นภาษาไทยและเผยแพร่ในหมู่นักกิจกรรมทางสังคมและนักวิชาการซึ่งรวม ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ กรรมการโครงการจัดพิมพ์คบไฟด้วย หนังสือ 'เผชิญภัยคุกคามโลก: ศตวรรษที่ 21 กับความมั่นคงที่ยั่งยืน' จึงได้ปรากฏสู่บรรณพิภพของสังคมไทยเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2007 รายงานนี้ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือภาษาอังกฤษชื่อ Beyond Terror: The Truth About the Real Threats to Our World โดยสำนักพิมพ์แรนดอม (Random House) ในเดือนเมษายน 2007 ซึ่งมีการแปลเป็นภาษาโปรตุเกส ภาษาดัทช์ ภาษาเยอรมัน และภาษาสเปนอีกด้วย สารัตถะของหนังสือเล่มนี้เป็นสหวิชาการที่สอดรับกับความสลับซับซ้อนของโลกปัจจุบันเป็นอย่างดียิ่งเมื่อพูดถึงภัยคุกคามโลก ผู้นำชาติมหาอำนาจจะเอ่ยขึ้นทันทีว่าภัยคุกคามใหญ่คือลัทธิก่อการร้าย แต่รายงานฉบับนี้กลับชี้ให้เห็นว่าลัทธิก่อการร้ายเป็นเพียงภัยคุกคามย่อยเมื่อเปรียบเทียบกับภัยคุกคามมนุษยชาติที่ใหญ่หลวงกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยที่เกิดจากการพังทลายของระบบนิเวศวิทยาของโลกและการแย่งชิงทรัพยากรที่ส่งผลกระทบต่อคนในโลกนับจำนวนหลายล้านคน หวังว่าการพิมพ์หนังสือเล่มนี้จะเปิดโอกาสให้สังคมไทยได้หันมาพินิจพิจารณาถึงภัยคุกคามต่างๆ ในสังคมของเราอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยสติสัมปชัญญะ ตลอดจนการระดมความรู้ความคิดร่วมกันในการเผชิญภัยคุกคามโลกและประเทศของเราในอนาคต ทั้งนี้ก็เพื่ออนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนของประชาชนร่วมกันอย่างแท้จริง
บทสรุปย่อสำหรับผู้บริหาร (Executive Summary) ในการวิเคราะห์ประเด็นปัญหาเหล่านี้ รายงานฉบับนี้จะเสนอภาพรวมของปัจจัย 4 กลุ่ม ซึ่งผู้เขียนชี้ว่าเป็นสาเหตุรากเหง้าของความขัดแย้งและความไม่มั่นคงในโลกทุกวันนี้ ขณะเดียวกันก็น่าที่จะเป็นตัวกำหนดความขัดแย้งในอนาคตด้วย ได้แก่ ความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก การแย่งชิงทรัพยากร การเบียดขับโลกส่วนใหญ่ให้อยู่ชายขอบ และการแผ่ขยายการทหารทั่วโลก ปัจจัยเหล่านี้คือแนวโน้มที่น่าจะนำไปสู่ความไม่มั่นคงอย่างมีแก่นสารทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค รวมถึงการสูญเสียชีวิตในวงกว้าง ในปริมาณที่ภัยคุกคามอื่นใดอันอาจมีไม่สามารถเทียบได้เลย
การตอบโต้กับภัยคุกคามเหล่านี้ในปัจจุบันมีลักษณะที่สามารถเรียกได้ว่ากระบวนทัศน์ควบคุม อันเป็นความพยายามที่จะธำรงรักษาสถานภาพเดิมเอาไว้ด้วยวิธีทางการทหารและการควบคุมความไม่มั่นคงไว้โดยไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ผู้เขียนโต้แย้งว่านโยบายด้านความมั่นคงที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้มีแต่จะแพ้ภัยตัวเองในระยะยาวจึงจำเป็นจะต้องมีแนววิธีการใหม่ แนววิธีจัดการความมั่นคงของโลกแบบใหม่จะมีลักษณะที่เรียกว่ากระบวนทัศน์ความมั่นคงที่ยั่งยืน ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างแนววิธีใหม่กับกระบวนทัศน์ควบคุมอยู่ตรงที่แนวใหม่นี้ไม่พยายามที่จะควบคุมภัยคุกคามแต่ฝ่ายเดียวด้วยการใช้กำลัง (กำจัดอาการ) แต่มุ่งหมายที่จะร่วมมือกันแก้ไขสาเหตุรากเหง้าของภัยคุกคามเหล่านั้นโดยใช้เครื่องมือที่ใช้ได้ผลที่สุดเท่าที่จะหาได้ (รักษาโรค) ยกตัวอย่างเช่น แนววิธีการของความมั่นคงที่ยั่งยืนจะให้ความสำคัญแก่พลังงานทดแทนในฐานะที่เป็นทางออกหลักของปัญหาความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในฐานะเป็นการตอบโต้กับการแย่งชิงทรัพยากร การลดความยากจนในฐานะที่เป็นวิธีการแก้ไขการเบียดขับให้อยู่ชายขอบ และการยุติและถอยหลังจากการพัฒนาและแพร่กระจายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงในฐานะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสกัดกั้นการแผ่ขยายอำนาจทางการทหารทั่วโลก วิธีการเหล่านี้จะเปิดโอกาสที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงหายนะภัยระดับโลก ทั้งยังจะแก้ไขสาเหตุรากเหง้าบางประการของการก่อการร้ายได้ด้วย
รัฐบาลทั้งหลายคงจะไม่ยินดีน้อมรับแนวความคิดเหล่านี้หากปราศจากแรงกดดันจากเบื้องล่าง ผู้เขียนโต้แย้งว่านี่เป็นโอกาสที่หาไม่ได้อีกแล้วที่องค์กรพัฒนาเอกชนกับภาคประชาสังคมโดยรวมจะประสานความพยายามเข้าด้วยกันเพื่อโน้มน้าวรัฐบาลให้เชื่อว่าแนววิธีการใหม่นี้ปฏิบัติได้และจะประสบผลดี นี่จะหมายถึงการเชื่อมร้อยกันระหว่างประเด็นสันติภาพ การพัฒนา และสิ่งแวดล้อมอย่างแนบแน่นขึ้นกว่าที่เคยพยายามทำกันในปีต่อๆ ไปข้างหน้า การมีผู้นำชุดใหม่ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรอาจจะเป็นโอกาสอันดียิ่งสำหรับการสร้างความก้าวหน้าในเรื่องนี้ก็ได้ แต่ถ้าหากไม่มีการปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ก็คงจะยากมากหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่ระบบโลกจะหลีกเลี่ยงภาวะไร้เสถียรภาพอย่างรุนแรงเมื่อถึงกลางศตวรรษนี้ได้ บทนำ: ภยันตรายที่โจ่งแจ้งและปัจจุบัน ใช่ละหรือ? (Introduction: A Clear and Present Danger?) บทที่ 1 ความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (Climate Change) ผลกระทบทางสังคมจากความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (The Social Impacts of Climate Change) พลังงานนิวเคลียร์ไม่ใช่คำตอบ (Nuclear is not the Answer) และพลังงานทดแทน (Renewable Energy) บทที่ 2 การแย่งชิงทรัพยากร (Competition Over Resources) การย้ายฐานทรัพยากร (The Resource Shift) น้ำมันกับความมั่นคงของสหรัฐฯ (Oil and US Security) และการเมืองเรื่องน้ำ (Water Politics) บทที่ 3 การเบียดขับโลกส่วนใหญ่ให้อยู่ชายขอบ (Marginalisation of the Majority World) ผลสืบเนื่องด้านความมั่นคงของโรคเอชไอวี/เอดส์ (The Security Implications of HIV/AIDS) การแบ่งแยกทางสังคมเศรษฐกิจ (Socio-Economic Divisions) และสงครามต่อต้านการก่อการร้าย (The War on Terror) บทที่ 4 การแผ่ขยายการทหารทั่วโลก (Global Militarisation) กองทัพในระยะเปลี่ยนผ่าน (Forces in Transition) การโจมตี 9/11 และเหตุการณ์ที่ตามมา (The 9/11 Attacks and After) และอาวุธท่ีมีอานุภาพทำลายล้างสูง (Weapons of Mass Destruction) บทที่ 5 บทอภิปราย: หนทางข้างหน้า (Discussion: The Way Forward) บทสรุป อภิธานศัพท์ (Glossary) นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 9/11 และพัฒนาการของสงครามต่อต้านการก่อการร้ายขึ้น มีการประโคมกันในกรุงวอชิงตัน ลอนดอน และในเมืองหลวงต่างๆ ของประเทศตะวันตกว่าการก่อการร้ายสากลเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อปัจจุบัน แต่ทว่ารายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าการก่อการร้ายสากลเป็นเพียงภัยคุกคามย่อยเมื่อเปรียบเทียบกับแนวโน้มความเป็นไปอื่นๆ ในโลกซึ่งร้ายแรงกว่า และการตอบโต้กับแนวโน้มเหล่านี้ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันมีแต่จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการโจมตีของผู้ก่อการร้ายให้มีมากยิ่งขึ้นแทนที่จะลดลง ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |