ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
ใบไม้ร่วง...สู่ราก falling leaves   แอเดอลีน เหยียน มาห์ ปวีณา วิริยประไพกิจ แปล สำนักพิมพ์กายมารุต มี ๓๔๓ หน้า



ใบไม้ร่วง…สู่ราก (Falling leave) นวนิยายเชิงอัตชีวประวัติของแอเดอลีน เหยียน
มาห์นักเขียนผู้หญิงชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เกิดโตมาในครอบครัวของเธอที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์การเมืองของจีนนับตั้งแต่ยุคจักรพรรดิองค์สุดท้ายถึงประเทศจีนยุคปัจจุบัน
แปลเป็นภาษาไทยโดย ปวีณา วิริยประไพกิจ นวนิยายเรื่องนี้สะท้อนให้ผู้อ่านเห็นภาพชีวิตและครอบครัวของผู้หญิงคนหนึ่งแอเดอลี
เหยียนมาห์ ผู้ที่ถูกกระทำทั้งจากครอบครัวและจากสังคมรอบด้าน
ทั้งยังต้องต่อสู้กับอุปสรรคอคติรอบตัวมาตลอดชีวิตเพื่อต้องการให้คนในครอบครัวยอมรับในความสำเร็จของเธอแต่เธอไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อชะตากรรมที่โหมกระหน่ำใส่เธอ

  ใบไม้ร่วงสู่ราก (Falling leave) นวนิยายเชิงอัตชีวประวัติของแอเดอลีน เหยียน มาห์นักเขียนผู้หญิงชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เกิดโตมาในครอบครัวของเธอที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์การเมืองของจีนนับตั้งแต่ยุคจักรพรรดิองค์สุดท้ายถึงประเทศจีนยุคปัจจุบัน แปลเป็นภาษาไทยโดย ปวีณา วิริยประไพกิจ

นวนิยายเรื่องนี้สะท้อนให้ผู้อ่านเห็นภาพชีวิตและครอบครัวของผู้หญิงคนหนึ่งแอเดอลี เหยียนมาห์ ผู้ที่ถูกกระทำทั้งจากครอบครัวและจากสังคมรอบด้าน ทั้งยังต้องต่อสู้กับอุปสรรคอคติรอบตัวมาตลอดชีวิตเพื่อต้องการให้คนในครอบครัวยอมรับในความสำเร็จของเธอแต่เธอไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อชะตากรรมที่โหมกระหน่ำใส่เธอ ตลอดทั้งเรื่องเราจะเห็นภาพความอยุติธรรมที่แอเดอลีนได้รับ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากเหตุผลประการสำคัญคือเธอเป็นผู้หญิง ทัศนคติและมุมมองในสังคมชาวจีนแผ่นดินใหญ่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาวเธอจึงเป็นเสมือนผู้ถูกกระทำอยู่ตลอดเวลา เธอถูกกลั่นแกล้งและไม่เป็นที่ยอมรับแม้ในหมู่พี่น้องของเธอเองและเธอเองก็ตระหนักในความอยุติธรรมเหล่านี้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เหนียง แม่เลี้ยงของเธอเป็นบุคคลสำคัญที่มีส่วนทำให้ชีวิตของเธอประสบกับความทุกข์มากขึ้นเนื่องจากเหนียงพยายามสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่พี่น้องของเธอเพื่อที่จะให้ปกครองได้ง่ายขึ้น ประกอบกับเหนียงรักลูกของตัวเองอย่างมาก โดยเฉพาะลูกชายซึ่งการปฏิบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างลูกของตนและลูกเลี้ยงของเหนียงสร้างรอยแผลที่กว้างขึ้นและลึกขึ้นในจิตใจของแอเดอลีนตลอดมาแม้ว่าแอเดอลีนจะพยายามทำดีต่อเหนียงเพียงใดก็ไม่อาจลบความเกลียดชังที่เหนียงมีต่อเธอได้เลยสักครั้ง จนกระทั่งเหนียงตายจากไปเธอก็นำความเกลียดที่มีต่อแอเดอลีนไปพร้อมกับเธอด้วย

ความอยุติธรรมที่เธอได้รับนั้นมิได้มีเฉพาะแต่ในครอบครัวเธอและในสังคมของชาวจีนเท่านั้น แต่เมื่อเธอเดินทางไปเรียนต่อในประเทศอังกฤษ ความอยุติธรรมก็ไม่ได้หายไปจากชีวิตของเธอ เธอก็ต้องเผชิญกับความเกลียดชัง และความไม่เท่าเทียมกันอีกในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิงและมาจากจีน ซึ่งเธอได้ระบายความรู้สึกในเรื่องนี้ว่า 

ตลอดทั้งเรื่องผู้อ่านจะพบว่าแอเดอร์ลีนพยายามที่จะเรียนหนังสืออย่างหนักเนื่องจากเธอถูกปลูกฝังโดยเหยียเยี่ย(ปู่) และป้าบาบาให้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา ด้วยเหตุนี้เธอจึงเกิดความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าการศึกษาจะช่วยให้เธอได้รับการยอมรับทั้งจากคนในครอบครัวและรวมไปถึงคนรอบข้างด้วย เพราะเธอเชื่อว่าการศึกษาคือทางเดียวที่จะช่วยให้เธอหนีไปจากความอยุติธรรม ไปสู่อิสรภาพและความสำเร็จเธอจึงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนกระทั่งเรียนสำเร็จจากคณะแพทยศาสตร์จากประเทศอังกฤษและเดินทางไปทำงาน มีครอบครัวและตั้งรกรากที่อเมริกาในเวลาต่อมา แม้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จในการศึกษาอาชีพการงานและครอบครัว หากเธอก็ไม่อาจได้รับสิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริงคือการยอมรับของคนในครอบครัวของเธอแต่ความพยายามของเธอเกือบจะไร้ค่าเพราะท้ายที่สุดแล้วเธอก็ถูกตัดออกจากกองมรดกและไม่ได้รับการยอมรับอย่างจริงใจจากครอบครัวของเธออยู่ดี หากแต่การค้นพบพินัยกรรมของพ่อในตอนท้ายเรื่องกลับเป็นสิ่งที่ช่วยตอกย้ำและหล่อเลี้ยงความรู้สึกของเธอให้ดีขึ้น หลังจากที่ถูกทุกคนในครอบครัวปฏิเสธเธอก็ค้นพบว่าอย่างน้อยก็ยังมีพ่อที่ยังยอมรับเธอเป็นลูกและยังไม่ได้ตัดเธอการกองมรดกการยอมรับของพ่อมีค่าอย่างที่สุดในความรู้สึกของเธอเพราะมันเท่ากับเป็นการประกาศชัยชนะต่อสิ่งที่เธอต่อสู้และต้องเผชิญมาตลอดชีวิต แม้ว่าสิ่งที่เธอได้รับจากพ่อจะเป็นเพียงกระดาษไม่มีเงินทองที่เป็นมรดกจริงๆเหลืออยู่แล้วก็ตาม แต่กระดาษแผ่นเดียวนี่แหละที่ทรงคุณค่าและมีมูลค่าต่อจิตใจของเธอมากกว่ามรดกที่พี่น้องของเธอกำลังได้รับอยู่ในขณะนี้เสียอีก

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับแอเดอลีนและครอบครัวของเธอยังช่วยสะท้อนให้ผู้อ่านมองเห็นพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของจีนมากขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงจากสมัยจักรพรรดิองค์สุดท้ายไปสู่ยุคคอมมิวนิสต์ซึ่งประวัติศาสตร์ในช่วงต่างๆ ถูกเล่าและถ่ายทอดจากมุมมองของตัวละครในเรื่อง นับตั้งแต่ชีวิตและเรื่องราวของคุณย่าเล็กที่เกิดและเติบโตผ่านยุคต่างๆตั้งแต่จักรพรรดิองค์สุดท้ายสงครามฝิ่น และความเจริญรุ่งเรื่องของเซี่ยงไฮ้ต่อมาในยุคของพ่อก็พบความเปลี่ยนแปลงต่างๆในประเทศจีนนับตั้งแต่ถูกกองทัพญี่ปุ่นบุกประเทศในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 การเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ในประเทศจีนซึ่งส่งผลให้พ่อและครอบครัวของเธอตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ฮ่องกงในขณะที่ป้าบาบายังคงอยู่ในประเทศจีนในยุคคอมมิวนิสต์ภาพความเปลี่ยนแปลงต่างๆในประเทศจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมถูกสะท้อนผ่านจากมุมมองและเรื่องเล่าที่ป้าบาบาเล่าให้แอเดอลีนฟัง นอกจากนี้ในยุคสุดท้ายของพ่อและยุคของเจมส์พี่ชายคนที่สามเป็นประวัติศาสตร์ในช่วงที่อังกฤษกำลังจะคืนฮ่องกงให้กับจีน ทำให้ผู้มีอันจะกินในฮ่องกงต่างขอโอนสัญชาติและเตรียมย้ายถิ่นฐานจากฮ่องกงไปยังอังกฤษหรือแคนาดาด้วยเหตุนี้ขณะที่อ่านหนังสือเล่มนี้ผู้อ่านจึงไม่ได้รับรู้เฉพาะข้อมูลทางประวัติศาสตร์แต่เพียงถ่ายเดียวหากเป็นการรับรู้ประวัติศาสตร์ผ่านมุมมองและความคิดของคนจีนซึ่งได้รับผลกระทบต่อเหตุการณ์เหล่านั้นโดยตรงซึ่งมุมมองและทัศนคติของชาวจีนต่อความเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้งนับว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้เราเข้าใจวิธีคิดและวิถีการดำรงชีวิตของคนจีนในช่วงนั้นมากขึ้น

ความน่าสนใจอีกประการในนวนิยายเรื่องนี้ที่มิอาจละเลยไปได้คือ นอกจากผู้เขียนจะนำปรัชญาการดำเนินชีวิตของคนจีนมาเป็นชื่อของบทต่างๆ ในเรื่องซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเน้นย้ำให้ผู้อ่านเข้าใจความคิดของแอเดอลีนในแต่ละบทให้ชัดเจนขึ้นแต่ยังช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจความคิดที่แฝงไว้ในคำคมได้ชัดเจนขึ้นด้วย ข้อคิด คำคมและปรัชญามิได้มีปรากฏเฉพาะในชื่อบทเท่านั้น หากแฝงและสอดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่องราวกับสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีการดำรงชีวิตของคนจีนจนไม่อาจแยกกันออกปรัชญา คติ ความเชื่อและคำสอนเหล่านี้นอกจากจะสื่อผ่านภาษาที่งดงามแล้ว ความแหลมคมของความคิดที่สอดแทรกอยู่ก็ยังช่วยกระตุ้นให้ผู้อ่านเกิดความลุ่มลึกปัญญามากขึ้นหากนำข้อคิดที่ได้รับกลับไปทบทวนและปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตนต่อไป เพราะแนวคิดที่ปรากฏในเรื่องมีความสากลพอ แม้ว่าผู้อ่านที่อยู่ต่างสังคมหรือต่างวัฒนธรรมก็สามารถเข้าใจและเข้าถึงแก่นความคิดเหล่านั้นได้ อาทิ การอธิบายความหมายของคำว่า "เริ่น" (อดทน)ของเหยียเยี่ยว่า "แบ่งตัวอักษร เริ่น เป็นสองส่วน คือบนและล่าง ส่วนบน เตา แปลว่ามีดแต่มีเส้นคาดเป็นปลอกหุ้มอยู่บนใบมีด ส่วนท่อนล่าง ซิน ซึ่งแปลว่า หัวใจเมื่อเรารวมทั้งสองส่วนด้วยกัน คำนี้ก็กำลังบอกเรื่องราวหนึ่งแก่เราแม้ลูกชายพ่อจะทำให้พ่อเจ็บปวดร้าวใจ แต่พ่อก็จะปกปิดความเจ็บปวดนั้นไว้และอยู่ต่อไปสำหรับพ่อแล้ว คำว่า เริ่น หรืออดทนนี้แสดงถึงบทสรุปของวัฒนธรรมและความเจริญของจีนนั่นเอง" (หน้า 105)

ผู้แต่งมิได้จงใจจะให้ผู้อ่านสัมผัสและรับรู้เฉพาะความทุกข์ทนและความอยุติธรรมที่แอเดอลีนได้รับเท่านั้น แต่ความอดทน ความพยายาม ความกล้าหาญและความเข้มแข็งของเธอซึ่งนับว่าเป็นพลังสำคัญที่ผลักดันให้เธอต่อสู้และก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างไม่ท้อถอยและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคอันเป็นแก่นแท้หรือเป็นกุญแจสำคัญที่ผู้แต่งต้องการสื่อไปยังผู้อ่านเพื่อนำไปปรับใช้กับตนเมื่อจำต้องประสบกับอุปสรรคและปัญหาอีกมากมายในชีวิตต่อไปอารมณ์ชำระใจ (catharsis) ที่ผู้เขียนชดเชยให้กับผู้อ่านในตอนท้ายของเรื่องขณะที่แอเดอลีนดูแลป้าบาบาที่ป่วยและกำลังใกล้ตาย เธอได้มีโอกาสฟังนิทานของป้าบาบาซึ่งนิทานของท่านมิได้กระตุ้นให้เธอมองเห็นและเชื่อมั่นในคุณค่าของเธอเท่านั้นหากเป็นเสมือนมนต์วิเศษที่เข้ามาชุบใจทั้งยังนำมาซึ่งความผาสุกและที่พักพิงทางใจของเธอด้วย คุณค่าของบทเรียน การตระหนักรู้และความสุขสงบเหล่านี้มิได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะในหัวใจของเธอเท่านั้น แต่มันได้แผ่กระจายออกมาปกคลุมในหัวใจผู้อ่านทุกดวงที่ร่วมอ่าน เติบโต และทบทวนมันไปพร้อมๆกับเธอด้วย

เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

นโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

ไม่มีนโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

ประเภทหนังสือ

CONTACT US

MEMBER ZONE

test link adipiscing elit. Nullam dignissim convallis est. superscript dolor subscript

พูดคุย-สอบถาม