ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
วัฒนธรรมต่อต้าน  บรรณาธิการ ยุกติ มุกดาวิจิตร บรรณาธิการ  สำนักพิมพ์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร พ.ศ. ๒๕๕๖ มี ๓๐๔ หน้า 

วิธีวิทยาศึกษาวัฒนธรรมต่อต้าน
ยุกติ มุกดาวิจิตร

โลกของบัคตินและการต่อต้าน
ปรีดีโดม พิพัฒน์ชูเกียรติ

การศึกษา Popular Culture แบบเอ็ดเวิร์ด ธอมป์สัน
นันทวัฒน์ ฉัตรอุทัย

พังค์กับสัมพัทธนิยมมของการปะทะต่อต้าน
อธิป จิตตฤกษ์

ศิลปะสาปสยอง: แฟนหนังกับการเมืองของการต่อต้าน
วัฒนธรรมกระแสหลักในภาพยนตร์สยองขวัญสมัยใหม่

อรรถสิทธิ์ สิทธิดำรง

บางส่วนจาก

“วิธีวิทยาศึกษาวัฒนธรรมต่อต้าน”

โดย ยุกติ มุกดาวิจิตร

ในแง่ วิธีการศึกษา ผลงานทั้งสี่ชิ้นอาศัยการเก็บข้อมูลจากเอกสารทุติยภูมิ อย่างไรก็ดี การใช้เอกสารชั้นสองไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ผลงานทั้งสี่ด้อยค่า เนื่องจากการค้นคว้าของทั้งสี่ได้นำมาซึ่งข้อถกเถียงใหม่ๆ ให้แก่วงการวัฒนธรรมศึกษาในประเทศไทย นอกจากนั้น งานแต่ละชิ้นยังเพิ่มความเข้าใจใหม่ๆ ให้แก่เอกสารที่รวบรวมมา การที่งานทุกชิ้นให้ความสำคัญกับบริบทของความเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ และบริบททางสังคมของผลงานเขียนหรือปรากฏการณ์ ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจงานเขียนเหล่านั้นในขอบเขตที่กว้างกว่าตัวบทหรือตัวปรากฏการณ์เอง ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ในแง่วิธีการศึกษา บทความคู่หนึ่งศึกษาผลงานหลักของนักคิดสองคน บทความอีกคู่หนึ่งศึกษาปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม กล่าวคือ ปรีดีโดมและนันทวัฒน์ศึกษา Rabelais and His World (ขอเรียกสั้นๆ ว่า Rabelais) ผลงานสำคัญของบัคติน และ The Making of the English Working Class (ขอเรียกสั้นๆ ว่า The Making) ผลงานสำคัญของธอมป์สันตามลำดับ ส่วนอธิปและอรรถสิทธิ์ศึกษาปรากฏการณ์วัฒนธรรมดนตรีพังค์และภาพยนตร์สยองขวัญตามลำดับ

ทั้งปรีดีโดมและนันทวัฒน์ ไม่เพียงทำความเข้าใจและวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ของศตวรรษที่ 20 สองคนอย่างละเอียด หากแต่ทั้งสองยังนำเอาภาวะเชิงประวัติศาสตร์ของงานเขียน (ไม่ใช่ประวัติศาสตร์รัสเซียและประวัติศาสตร์อังกฤษแบบตรงไปตรงมา) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการอ่านตัวบท ปรีดีโดมอ่าน Rabelais ด้วยความเคารพในบริบทที่มันถูกเขียนขึ้นมา มากกว่าที่จะอ่านมันเพื่อรับใช้ประเด็นศึกษาใหม่ๆ ในปลายศตวรรษที่ 20 ปรีดีโดมนำ Rabelais กลับไปสู่บริบทของการศึกษาประวัติศาสตร์วัฒนธรรมพื้นบ้านอย่างเทศกาลคานิวัล วิธีการดังกล่าวทำให้รูปแบบของคานิวัล ไม่ได้มีลักษณะของความสืบเนื่องของความกลับขั้ว พลิกผันจากระบบระเบียบ หากแต่ปรีดีโดมพยายามเข้าใจด้วยว่า “บัคตินถามว่าผู้คนในศตวรรษที่ 20 นั้นหัวเราะในแบบเดียวกันกับราบเลส์และคนร่วมสมัยศตวรรษที่ 16 หรือไม่” คำถามนี้จึงเป็นคำถามเชิงวิธีวิทยาที่สำคัญ เป็นการเคารพความเฉพาะเจาะจงของอารมณ์ขันพื้นบ้านที่หนึ่งในโลก ที่ไม่อาจเอามาใช้เป็นตัวแบบของการเข้าใจอารมณ์ขันของสังคมในศตวรรษที่ 20 ที่ใดๆ ได้ง่ายๆ ในขณะที่นันทวัฒน์ ไม่เพียงศึกษาคำอธิบายเรื่องการต่อสู้ผ่านวัฒนธรรมประชาชนที่ปรากฎในงาน The Making ของธอมป์สัน หากแต่นันทวัฒน์ยังศึกษาประวัติศาสตร์ของผลงานของธอมป์สัน นันทวัฒน์วางงานของธอมป์สันชิ้นนี้ลงไปในบริบทของการศึกษาแนว “วัฒนธรรมศึกษา” (หรือ “Cultural Studies” ในความหมายเคร่งครัด) หรือถ้าจะให้ชัดยิ่งไปกว่านั้นคือบริบทของ “ซ้ายใหม่” (New Left) นันทวัฒน์อุทิศข้อเขียนตอนแรกให้กับการอภิปรายข้อถกเถียงระหว่างธอมป์สันกับซ้ายใหม่คนสำคัญๆ ทำให้ผู้อ่านไม่เพียงเข้าใจธอมป์สัน แต่ยังได้เข้าใจซ้ายใหม่ไปพร้อมๆ กับเข้าใจว่า ทำไมธอมป์สันจึงวิพากษ์จุดยืนเรื่องวัฒนธรรมต่อต้านของพวกวัฒนธรรมศึกษาอย่างรุนแรงอีกด้วย

ส่วนอธิปและอรรถสิทธิ์ ทั้งคู่อ่านดนตรีพังค์และภาพยนตร์สยองขวัญ ด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์สังคมอย่างชัดเจน แน่นอนว่าอธิปและอรรถสิทธิ์ไม่ได้ทำความเข้าใจ “ศิลปะ” เฉพาะรูปแบบของประเภทผลงานหรือเฉพาะตัวบทของผลงานเท่านั้น “ศิลปะมวลชน” (หากจะพอนับได้ว่าพังค์ที่มีแขนงแยกย่อยมากมายต่างก็มี “มวลชน” ของตนเองอยู่เช่นกัน) นับเป็นการเผยให้เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างศิลปะกับสังคม ที่สำคัญคือ ศิลปะที่ทั้งสองคนศึกษาไม่ได้เป็นเพียงผลผลิตจากการกำหนดโดยสังคมที่ศิลปะนั้นกำเนิดขึ้นมา อธิปและอรรถสิทธิ์ชี้ให้เห็นว่า ศิลปะทั้งสองแขนงยังสร้างสังคมขึ้นมา พังค์สร้างสังคมชาวพังค์และเผยแพร่วัฒนธรรมพังค์ไปนอกข่ายชาวพังค์ กระแทกวัฒนธรรมหลักทางเสียงและรสนิยมหลักของชนชั้นกลาง ส่วนภาพยนตร์สยองขวัญ ผลิตอารมณ์ตื่นเต้นสยองขวัญที่ท้าทายมาตรฐานอารมณ์ของความบันเทิงแบบชนชั้นกลางเช่นกัน การทำความเข้าใจประวัติศาสตร์สังคมของพังค์และภาพยตร์สยองขวัญของอธิปและอรรถสิทธิ์ จึงช่วยให้เราเข้าใจปฏิสัมพันธ์ของศิลปะกับสังคม ในแง่ที่ว่า ทั้งศิลปะและสังคมต่างตอบโต้และก่อร่างสร้างตัวกันและกันอย่างสลับซับซ้อน
วัฒนธรรมต่อต้าน” โดย ยุกติ มุกดาวิจิตร . เมื่อก่อนคำว่า “วัฒนธรรม” ถูกนิยามด้วยแบบแผนและสิ่งดีเลิศเป็นมรดกตกทอดที่ชาติต้องสืบทอดรักษา แต่ทุกวันนี้ “วัฒนธรรม” คือวิถีชีวิตของคนทั่วไปและมีลักษณะเป็นเวทีต่อสู้ทางการเมือง . แปลก็คือ คนทั่วไปก็สามารถต่อรอง-ต่อต้านกับผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าได้ ผ่านการใช้ชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การทำงานไปจนพักผ่อน จึงเป็นที่มาของแนวคิดเรื่องการเมืองในชีวิตประจำวันและการต่อต้านเชิงวัฒนธรรม . หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมบทความที่ทบทวนแนวคิดทฤษฎีและกรณีศึกษา ที่เป็นพื้นฐานของกระแสความคิดการต่อต้านทางวัฒนธรรม เพื่อเป็นความรู้สำหรับผู้สนใจวัฒนธรรมร่วมสมัยและการเมืองวัฒนธรรม ตลอดจนเป็นแนวทางให้ผู้แสวงหาเครื่องมือในการคิด วิจารณ์ หรือวิพากษ์เรื่องราววัฒนธรรมของสังคมไทย ในยุคที่อะไรๆ ก็ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องการเมืองและการต่อสู้ไปเสียทั้งหมด หัวข้อในหนังสือ
วิธีวิทยาศึกษาวัฒนธรรมต่อต้าน
โลกของบัคตันและการต่อต้าน
การศึกษา Pop culture แบบเอ็ดเวิร์ด ทอมป์สัน
พังค์กับสัมพัทธนิยมของการปะทะต่อต้าน
แฟนหนังกับการเมืองของการต่อต้านวัฒนธรรมกระแสหลักในภาพยนต์สยองขวัญสมัยใหม่

เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

นโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

ไม่มีนโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

ประเภทหนังสือ

CONTACT US

MEMBER ZONE

test link adipiscing elit. Nullam dignissim convallis est. superscript dolor subscript

พูดคุย-สอบถาม