ฝนตกขึ้นฟ้า วินทร์ เลียววาริณ

ฝนตกขึ้นฟ้า  วินทร์ เลียววาริณ   สำนักพิมพ์ 113  พ.ศ. ๒๕๕๐ มี  หน้า
ฝนตกขึ้นฟ้า นวนิยายฟิล์ม นัวร์

เรื่องของมือปืนผู้ซึ่งเชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขาเผชิญหน้ากับปัญหาทางกายภาพของตัวเอง ทำให้เขามองเห็นสิ่งรอบตัวแตกต่างไปจากเดิม และค้นพบตัวตนของตัวเอง

เป็นนวนิยายในสไตล์ ฟิล์ม นัวร์ (หนังดำ) ที่ฉายให้เห็นด้านมืดของคน โดยมีด้านหม่นมืดกรุงเทพฯเป็นฉากหลัง เป็นนิยายที่รวมองค์ประกอบของเรื่องที่ใช้กันใน ฟิล์ม นัวร์ ฮอลลีวูดยุคแรก เช่น การสืบสวน ฆาตกรรม เซ็กส์ คอร์รัปชั่น อาชญากรรม ตำรวจเลว โสเภณี อันธพาล มาเฟีย นักฆ่า สาวสวยแสนอันตราย ฯลฯ ขณะเดียวกันก็ใช้เทคนิคในการนำเสนอโดยการเล่นภาพถ่ายขาวดำเสริมส่วนที่เป็นวรรณกรรม

หนังสือเล่มนี้จึงอาจจัดเป็น บุ๊ค นัวร์ ประกอบภาพ หรือจะจัดเป็น นวนิยายหนังแผ่น หรือ นวนิยายแกลเลอรี ก็ไม่น่าจะผิดแต่ประการใด!
ฝนตกขึ้นฟ้า เป็นนวนิยายฟิล์ม นัวร์ ในรูปแบบของวรรณกรรมมีรูปถ่ายขาวดำประกอบเป็น เรื่องราวของมือปืนคนหนึ่งชื่อ ตุลย์ ผู้เชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ เขาเป็นตำรวตตงฉิน ไม่อ่อนน้อมให้กับความอยุติธรรม วันหนึ่งเขาเข้าไปพัวพันกับคดีที่มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง
ฝนตกขึ้นฟ้า เป็นนวนิยายในสไตล์ ฟิล์ม นัวร์ (หนังดำ) ที่ฉายให้เห็นด้านมืดของคน โดยมีด้านหม่นมืดกรุงเทพฯเป็นฉากหลัง เป็นนิยายที่รวมองค์ประกอบของเรื่องที่ใช้กันใน ฟิล์ม นัวร์ ฮอลลีวูดยุคแรก เช่น การสืบสวน ฆาตกรรม เซ็กส์ คอร์รัปชั่น อาชญากรรม ตำรวจเลว โสเภณี อันธพาล มาเฟีย นักฆ่า สาวสวยแสนอันตราย ฯลฯ ขณะเดียวกันก็ใช้เทคนิคในการนำเสนอโดยการเล่นภาพถ่ายขาวดำเสริมส่วนที่เป็นวรรณกรรม”

“ความรุนแรงยุติด้วยความรุนแรง” อาจจะเป็น Theme ของนวนิยายเรื่องนี้ แต่ในท้ายเรื่อง ตุลย์ ก็ได้ขบคิดถึงเรื่องนี้และให้ทางเลือกกับตนเอง ซึ่งสะท้อนว่า มนุษย์เรามีทางเลือกเสมอ ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเลือกทางไหน

สำหรับคนที่ชอบอ่านหนังสือประเภทที่ว่าไม่ลง ผมว่าไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้โดยเด็จขาด

ฝนตกขึ้นฟ้า ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์โดย เป็นเอก รัตนเรือง เจ้าพ่อหนังอาร์ทแห่งประเทศไทย รับรางวัลทุนไทยเข้มแข็งในงบประมาณ 8 ล้านบาท ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า HEADSHOT ออกฉากปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จำกัดโรงฉายเพียงแค่ในเครือ SF และไม่กี่จังหวัดเท่านั้น ซ้ำร้ายยัง ฉายช่วงน้ำท่วมใหญ่อีกต่างหาก ซึ่งตามฟอร์ม คือหนังไม่ทำเงิน ซึ่งผมได้เข้าไปดูในโรงเพราะชื่อชอบของทั้งผู้กำกับและเจ้าของบทประพันธ์ เมื่อดูจบก็รู้สึกว่าประทับใจ และรู้ได้ทันทีว่า หนังเรื่องนี้ไม่ทำเงิน ซึ่งผลออกมาก็ไม่ทำเงินจริง ๆ มันจึงเป็นข้อสรุปที่ว่า “หนังดี” คนไทยไม่ดู และต้องมาหาคำนิยามของคำว่า “หนังดี” ในสายตาของคนไทย