ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
 ทฤษฎีกษัตริย์โพธิสัตว์  เวสสันดรชาดกในประวัติศาสตร์ไทย  ‘Thailand's Theory of Monarchy: The Vessantara Jātaka and the Idea of the Perfect Man’ by Patrick Jory  ฑิตฐิตา ซิ้มเจริญ แปล สำนักพิมพ์ Illuminations Editions พิมพ์ครั้งที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ มี  ๒๗๖ หน้า

ทฤษฎีกษัตริย์โพธิสัตว์ : เวสสันดรชาดกในประวัติศาสตร์ไทย
เขียนโดย แพทริค โจรี

แปลจาก ‘Thailand's Theory of Monarchy: The Vessantara Jātaka and the Idea of the Perfect Man’ by Patrick Jory

หนังสือเล่มนี้ได้รับการเลือกให้เป็น 2016 CHOICE Outstanding Academic Title

หนังสือแบ่งออกเป็น 6 บท

ในบทแรกจะบรรยายพลวัตของพิธีกรรมการเทศน์เวสสันดรชาดกที่รู้จักกันในชื่อ เทศน์มหาชาติ หรือ “การเทศนาว่าด้วยการเกิดที่ยิ่งใหญ่” ลักษณะเวสสันดรชาดกในฐานะตัวบทสำหรับเทศนาเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญยิ่ง ชาดกที่มีแก่นเรื่องเชิงการเมืองนี้ออกแบบมาสำหรับถ่ายทอดให้คนหมู่มากฟัง ความนิยมเวสสันดรชาดกยังมีตัวบทอื่น ๆ จำนวนมากรองรับ โดยตัวบทเหล่านี้สัมพันธ์กับเวสสันดรชาดกในแง่ที่ช่วยเน้นย้ำอานิสงส์มหาศาลที่จะได้รับจากการฟังเทศน์ ผู้เขียนเสนอว่าลักษณะอันซับซ้อนของการเทศน์เวสสันดรชาดก และขั้นตอนพิธีกรรมที่แวดล้อมการเทศน์ แสดงให้เห็นความพยายามอย่างยิ่งในการแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นถ้อยคำที่พระพุทธเจ้าตรัสเอง (บาลี: พุทฺธวจน) สิ่งนี้เป็นเพราะพลังของเวสสันดรชาดกตามจารีตพุทธศาสนาเถรวาทนั้นอิงอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่า จากนั้นผู้เขียนจะกล่าวถึงความพยายามของราชสำนักไทยที่สั่นคลอนพลังของเวสสันดรชาดก โดยมุ่งโต้แย้งความเชื่อที่ว่าพระพุทธเจ้าทรงเล่าเรื่องชาดกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือโดยเฉพาะ เป็นข้อเสนอที่ตอบโต้ขนบประเพณีอายุหลายร้อยปีอย่างรุนแรง

บทที่ 2 จะสืบย้อนอิทธิพลที่เก่าแก่และต่อเนื่องของเวสสันดรชาดก ย้อนไปถึงรัฐยุคแรก ๆ ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปัจจุบันเรียกกันว่าประเทศไทย ได้แก่ ทวารวดี สุโขทัย ล้านนา ล้านช้างของลาว และอาณาจักรอยุธยาที่เรืองอำนาจ ดังนั้นชาดกนี้จึงปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อชนเผ่าไทเริ่มรวมตัวกันเป็นชุมชนทางการเมืองเป็นครั้งแรก จากหลักฐานที่มีอยู่จะเห็นได้ถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างช่วงเวลาขยายตัวหรือผนวกอำนาจทางการเมืองกับการอุปถัมภ์เวสสันดรชาดกโดยราชสำนัก

บทที่ 3 จะเปลี่ยนไปพิจารณาอาณาจักรที่เจริญขึ้นหลังอยุธยาล่มสลาย เริ่มด้วยอาณาจักรธนบุรีที่ตั้งอยู่ในช่วงสั้น ๆ ของสมเด็จพระเจ้าตากสิน (พ.ศ. 2310-2325) ตามด้วยอาณาจักรรัตนโกสินทร์ ตั้งขึ้นที่กรุงเทพเมื่อ พ.ศ. 2325 โดยราชวงศ์จักรีมาจนถึงปัจจุบัน ต้นฉบับตัวเขียนจำนวนมากของคัมภีร์เทศน์มหาชาติที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันมาจากยุคสมัยนี้แทบทั้งสิ้น และพบได้ในทุกภูมิภาคของอาณาจักรที่ขยายออกไปอย่างกว้างไกล ผู้เขียนจะเน้นให้เห็นความสนพระทัยของพระมหากษัตริย์ในยุคนี้ที่มีต่อเวสสันดรชาดก เนื่องจากชาดกนี้ได้มอบแบบแผนของผู้ปกครองทรงธรรมที่ทรงปรารถนาดำเนินรอยตาม ด้วยเหตุว่าหลักฐานเอกสารจากยุคดังกล่าวมีอยู่เป็นจำนวนมาก เราจึงสามารถเจาะลึกถึงรายละเอียดของทฤษฎีว่าด้วยกษัตริย์โพธิสัตว์นี้ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทฤษฎีดังกล่าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในราชสำนักไทยในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2325-2394) สอดคล้องกับช่วงเวลาที่รัฐไทยกุมอำนาจสูงสุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บทที่ 4 จะกล่าวถึงการเปลี่ยนท่าทีครั้งสำคัญของราชสำนักไทยต่อเวสสันดรชาดกในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 (ต้นพุทธศตวรรษที่ 25) ธรรมยุติกนิกายซึ่งเป็นฝ่ายปฏิรูปพุทธศาสนา นำโดยเจ้าฟ้ามงกุฎ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เริ่มต้นกระบวนการที่ค่อย ๆ ลดทอนความสำคัญของชาดกในพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมของราชสำนัก ผู้เขียนจะอธิบายถึงสาเหตุที่เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น ตั้งแต่ความเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจของอาณาจักรช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 (ต้นพุทธศตวรรษที่ 24 ถึงพุทธศตวรรษที่ 25) ความเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองระหว่างเจ้าฟ้ามงกุฎกับพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ผลกระทบของวิทยาศาสตร์แบบตะวันตกต่อวิธีคิดของปัญญาชนชั้นนำในราชสำนักรัชกาลที่ 4 และที่สำคัญที่สุดคือ ภัยคุกคามต่อสถาบันกษัตริย์ไทยจากมหาอำนาจอาณานิคมยุโรปที่รุกคืบเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีป สถานะที่เปลี่ยนไปของชาดกในพุทธศาสนาของไทยสะท้อนให้เห็นการท้าทายทฤษฎีกษัตริย์แบบพุทธศาสนาที่ชาดกช่วยเผยแพร่และเป็นรากฐานให้แก่สถาบันกษัตริย์ไทยในอดีต

บทที่ 5 จะกล่าวถึงจุดสูงสุดของขบวนการปฏิรูปในราชสำนักไทยในการถอดชาดกออกจากหลักคำสอนของพุทธศาสนาแบบทางการ เห็นได้จากพระราชนิพนธ์ความเรียงเกี่ยวกับชาดกอันโดดเด่นของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2447 เป้าหมายของพระราชนิพนธ์ดังกล่าวคือการปฏิเสธอำนาจชาดกในฐานะคัมภีร์อย่างชัดเจน และจัดประเภทใหม่ให้เป็นแค่นิทานพื้นบ้าน ด้วยการนี้เอง พระองค์ได้ตัดวรรณกรรมศาสนาประเภทนี้ออกจากจารีตพุทธศาสนาแบบไทย ยิ่งไปกว่านั้น การไม่ยอมรับความจริงแท้ของชาดกและมโนทัศน์เรื่องกษัตริย์โพธิสัตว์เท่ากับว่าพระองค์ได้ตัดความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์จักรีกับเชื้อสายของพระพุทธเจ้า วิธีตีความแบบใหม่นี้ไม่ได้เกิดจากการศึกษาพุทธศาสนาในไทยฝ่ายเดียว แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงหยิบยืมจากนักวิชาการยุโรปที่ศึกษาพุทธศาสนาและชาดกโดยเฉพาะ สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลทางความคิดของยุโรปที่มีอย่างมหาศาลต่อจารีตพุทธศาสนาในราชอาณาจักรเอง ความเรียงดังกล่าวตีพิมพ์ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างรัฐไทยขนานใหญ่ ส่งผลให้เกิดการรวมศูนย์อำนาจการปกครองมาอยู่ที่องค์พระมหากษัตริย์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยมีแบบอย่างจากดินแดนอาณานิคมของยุโรปในบริติชอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาบันกษัตริย์ที่ผ่านการปฏิรูปในรัชกาลที่ 5 พยายามจะสร้างสถานะของตนเองให้เทียบเคียงกับเหล่ากษัตริย์คริสต์ยุโรปสมัยใหม่ที่ปกครองรัฐชาติที่เพิ่งเกิดขึ้น สถานะชาดกในพุทธศาสนาไทยของทางการได้เสื่อมไปพร้อม ๆ กับกรอบความคิดเรื่องสถาบันกษัตริย์แบบพุทธที่ถูกปฏิเสธไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่ผูกผู้ปกครองไทยกับผู้ใต้ปกครองไว้ด้วยกันมากว่า 6 ศตวรรษนับตั้งแต่รัฐไทยแห่งแรกเกิดขึ้นมา

ในบทที่ 6 จะกล่าวถึงอีกแง่มุมของกระบวนการดังกล่าว โดยสำรวจการตีพิมพ์หนังสือครั้งใหญ่ที่ราชสำนักไทยดำเนินการในช่วง พ.ศ. 2447-2474 มีการแปลและจัดพิมพ์ชาดกทั้งหมด ทั้งชุดนิบาตชาดกและปัญญาสชาดก โดยจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ “นิทาน” ซึ่งเป็นหมวดใหม่ล่าสุดของ “วรรณกรรมไทย” การตีพิมพ์นี้แสดงให้เห็นความพยายามอีกครั้งหนึ่งของราชสำนักไทยที่ต้องการสถาปนาการตีความวรรณกรรมศาสนาเก่าแก่นี้เสียใหม่อย่างเป็นทางการ

การที่ชนชั้นนำกลุ่มเล็ก ๆ ที่กำลังก้าวสู่ความเป็นสมัยใหม่พยายามปฏิรูปจารีตศาสนาโบราณนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การให้ความพยายามเช่นนั้นเป็นที่ยอมรับโดยคนหมู่มากกลับเป็นอีกเรื่อง ในบทสุดท้ายจะตอบคำถามว่า การที่สถาบันกษัตริย์ไทยพยายามแยกตัวเองออกจากมรดกอายุ 7 ศตวรรษของเวสสันดรชาดก และออกจากกระบวนทัศน์ผู้ปกครองผู้ทรงธรรมที่ชาดกเรื่องนี้สร้างไว้ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ในการนี้ ผู้เขียนจะแสดงให้เห็นว่าสถาบันกษัตริย์ไทยที่ทันสมัยเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก ยังคงรักษาแก่นของทฤษฎีอำนาจทางการเมืองอันเก่าแก่ซึ่งแปลกแยกจากแนวคิดสมัยใหม่เรื่องความชอบธรรมทางการเมืองเอาไว้ได้อย่างไร

ทฤษฎีกษัตริย์โพธิสัตว์ เวสสันดรชาดกในประวัติศาสตร์ไทย ‘Thailand's Theory of Monarchy: The Vessantara Jātaka and the Idea of the Perfect Man’ by Patrick Jory
ทฤษฎีกษัตริย์โพธิสัตว์ เวสสันดรชาดกในประวัติศาสตร์ไทย ‘Thailand's Theory of Monarchy: The Vessantara Jātaka and the Idea of the Perfect Man’ by Patrick Jory
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

นโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

ไม่มีนโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

ประเภทหนังสือ

CONTACT US

MEMBER ZONE

test link adipiscing elit. Nullam dignissim convallis est. superscript dolor subscript

พูดคุย-สอบถาม