ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
คนดีศรีอยุธยา เสนีย์ เสาวพงศ์  สำนักพิมพ์ดอกหญ้า พิมพ์ครั้งที่  พ.ศ. ๒๕๓๖ มี ๓๙๒ หน้า

    การกลับมาอีกครั้งของสุดยอดนวนิยายยิ่งใหญ่ของสุภาพบุรุษนักประพันธ์ “เสนีย์ เสาวพงศ์” ซาบซึ้งไปกับเรื่องราววีรกรรมของชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่กล้าหาญและยอมเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง แม้พวกเขาเหล่านั้นจะเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ “ต้นหญ้า” และ “ต้อยติ่ง” ก็มีบทบาทในการกู้ชาติบ้านเมือง สำนักพิมพ์มติชนภูมิใจเสนอให้ผู้อ่านได้สะสมต่อเนื่องจากเรื่อง “ปีศาจ” และ “ความรักของวัลยา” อันลือลั่น พ.ศ. ๒๕๓๐ มี ๓๖๐ หน้า

   "เอ็งพวกใคร"
   "ท่านผู้ใหญ่ที่เคารพ ข้ามีด้วยกัน ๓ คนเท่านี้ ไม่ได้เป็นพวกใครที่ไหน"
   "เป็นพี่น้องกันหรือ?"
   "ถึงจะำม่ได้คลานตามกันมาจากท้องแม่เดียวกัน ก็รักนับถือกันเหมือนพี่น้อง"
   "นั้นซี กูดูรูปร่างหน้าตามันไม่มีเค้าเหมือนกันเลย แล้วเอ็งชื่อเรียงเสียงไรกันมั่ง"
   "คนนี้ชื่อโต เป็นพี่  ข้าชื่อน้อยเป็นคนกลาง แล้วคนนี้ชื่อเล็ก"
   " พวกเอ็งทำมาหากินอะไรกัน"
   " ยังไม่ได้ทำมาหากินอะไรหรอก ท่านผู้ใหญ่ ตั้งใจจะไปเที่ยวหาญาติที่พลัดพรากจากกัน พบแล้วก็จะตั้งหลักตั้งตัวกันต่อไป"
   "ข้าสงสัยว่าเอ็งจะเป็นพวกโจร พวกหัวขโมยเสียละมากกว่า ทำไมพวกเอ็งมาทางนี้"
    "กำลังจะล่องไปทางใต้เพื่อสืบหาญาติ คนของท่านผู้ใหญ่คุมตัวพวกข้ามาแต่หัวคุ้งโน้น"
    " นั้นแหละ เอ็งมาทางนี้ก็ต้องผ่านล้านข้าอยู่วันยังค่ำ"
    " บ้านท่านผู้ใหญ่ไม่ได้อยู่ริมคลอง จึงมองไม่เห็น ธรรมดาคลองย่อมเป็นของกลางที่ใครๆ ก็ใช้ได้ ข้าจะผ่านไปอย่างเงียบๆ โดยสุจริต"
    " ยามนี้มันก็ต้องระมัดระวัง ไม่รู้ว่าใครเป็นพวกใครไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น ข้าก็ต้องระวังถิ่นของข้าเหมือนกัน แล้วก็เดี๋ยวนี้มีใครอยู่ริมคลองริมแม่น้ำกันมั่ง ที่เคยอยู่ก็ถอนเสาเรือนย้ายเข้าไปข้างในลึกๆ ข้าศึกก็ยังอยู่ โจรก็แยะ.....เฮ้ย ในเรือมันมีอะไรบ้างวะ"
     "ค้นดูทั่วแล้ว นาย ในเรือมันมีผ้าห่มเก่าๆ ๓ ผืน หม้อใบหนึ่ง กระบอกไม้ไผ่ ๓ กระบอก ข้าวตากครึ่งกระบุง แล้วก็เกลือค่อนกระปุก"
     "ไม่มีอาวุธ"
      "ไม่มี นาย "
      "พวกเอ็งมีอะไรดีหรือวะ ถึงได้กล้า ไม่มีอาวุธแม้แต่พร้าสักเล่ม"
      "คนไร้สมบัติย่อมไม่กลัวโจร คนอ่อนน้อมย่อมไม่มีใครข่มแหง"
      "เอ็งเชื่อยังงั้นหรือ ไอ้หนูเอ๋ย ยังเด็กนัก เมื่อเอ็งโตกว่านี้สักหน่อยเอ็งจะรู้ว่าคนมันเบียดเบียนกันอยู่ทุกวัน เวลานี้มันปล้นกันแม้เพียงเกลือสักไห คนมันข่มเหงเพราะมันรู้ว่าคนไม่สู้หรือห็นว่าสู้ไม่ได้ คนยิ่งถ่อมยิ่งถูกถีบง่าย"
     "ท่านผู้ใหญ่พูดเป็นคติ ขอน้อมรับคำของท่านไว้เตือนใจ"
     "เอ็งว่าจะไปอยู่กะญาติรึ"
     "ใช่แล้วท่าน "
     "เวลานี้เป็นยามยาก พวกเอ็งก็ดูไม่มีอะไร ถ้าเราจนบางทีมีญาติก็เหมือนคนอื่น"
     "ก็เห็นจะต้องลองดู "
     " พวกเอ็งอยู่กะข้า เอาไหม"
     "ขอขอบใจท่านผู้ใหญ่เป็นที่สุดที่เมตตา แต่อยากจะไปหาญาติให้พบเสียก่อน"
     "ถ้าเอ็งไม่สมัครใจ ข้าอาจบังคับก็ได้นะ "
     "ท่านผู้ใหญ่คงไม่ทำเช่นนั้น พวกข้าเห็นท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เมตตากรุณา แม้พบเพียงครู่เดียวก็มีความเคารพนับถือท่านคงจะปล่อยให้พวกข้าไปก่อน"
     "นี่พวกเอ็งคงยังไม่ได้กินข้าวเช้า   ไปกูจะเลี้ยงพวกเอ็งสักมื้อ"
     "เป็นความกรุณาของท่านอย่างที่สุด แต่....."
    "ไม่ต้องมีแต่ เวลานี้มันก็ยากจนด้วยกันทั้งนั้น แต่คนมีนำ้ใจยังมีอยู่"
    " ขอบพระคุณท่าน "
      ชาย ๗ คนเดินออกจากใต้ต้นไทรใหญ๋ เดินไปไม่ถึงครึ่งเส้นก็ถึงพงไผ่ขึ้นขวางหน้า เลี้ยวอ้อมไปนิดหนึ่ง เข้าช่องระหว่างก่อไผ่เดินผ่านหนัาไปข้างใน
      ซ่อนอยู่หลังพงไผ่ มีเรือนฝากระดานหลังใหญ่ ๓ หลังใต้ถุนสูง เรียงรายต่อด้วยเรือนขนาดย่อม กับโรงหลังคามุงจากที่เป็นยุ้งข้าว โรงมุงจากโปร่งไม่มีฝากั้นทั้ง ๔ ด้าน เรียงรายกันเป็นวงกลม ตรงกลางเป็นลานกว้าง ผิวหน้าดินปรับเรียบมีต้นไม้ขึ้นอยู่หลายต้น
      ผู้ที่เป็นหัวหน้าซึ่งก็คงจะเป็นเจ้าของบ้านด้วย ชี้ให้เด็กหนุ่ม ๓ คน เข้าไปในโรงหลังคาจากโปร่ง ทั้ง๓ คนย่อตัวลงนั่งบนเสื่อที่ปูอยู่กับพิ้นดิน
      สำรับถูกยกมาโดยผู้หญิงวัยกลางคน กับเด็กผู้หญิงอีก ๒ คน
     " กินข้าวกันเสีย เสร็จแล้วถึงค่อยตอบว่า พวกเอ็งอยากจะอยู่กับกูไหม"
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

นโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

ไม่มีนโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

ประเภทหนังสือ

CONTACT US

MEMBER ZONE

test link adipiscing elit. Nullam dignissim convallis est. superscript dolor subscript

พูดคุย-สอบถาม