จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | ร้อยกรอง |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
อาชญารมณ์ต่อเนื่อง เดือนวาด พิมวนา : กวีนิพนธ์ สำนักพิมพ์อ่าน พิมพ์ครั้งแรก กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖ มี ๑๐๕ หน้า
คำนำจากผู้เขียน ข้าพเจ้าเขียนบทกวีได้ ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นกวีได้อย่างแท้จริง เหตุเพราะรู้จักตัวเองดีว่าเป็นคนใคร่ครวญด้วยความระมัดระวัง โน้มเอียงไปทางเจ้าความคิด อยู่กับเหตุและผลเชิงตรรกะมากกว่าจะเฟื่องฝันวูบไหวไปกับอารมณ์ความรู้สึก ข้าพเจ้าตัดสินคุณสมบัติดังกล่าวว่าไม่เหมาะและไม่ใช่ภาวะของกวี ตลอดมาข้าพเจ้าจึงเน้นหนักการเขียนเรื่องสั้นและงานความเรียงเป็นส่วนใหญ่ นานทีปีหนจะบังเกิดอารมณ์อยากเขียนบทกวีสักชิ้น จึงคล้ายเป็นเรื่องเหลือเชื่อว่าในช่วงเวลาสามถึงสี่ปีมานี้ ข้าพเจ้าแทบจะเขียนแต่บทกวี ซ้ำเป็นบทกวีที่สะท้อนอารมณ์และความคิดทางการเมืองเป็นหลัก แน่นอนว่าสภาวะนี้มาพร้อมกับกระแสความรุ่มร้อนทางการเมือง ทว่าเมื่อหันหลังมองย้อนกลับไป ข้าพเจ้าก็สงสัยใจตัวเองไม่น้อย ด้านหลังนั้นเสมือนมีหุบเหวทางความคิดกั้นขวางอยู่ และข้าพเจ้ากระโดดข้ามมาได้อย่างไร… โดยไม่รู้ตัว ย้อนอ่านงานบทกวีของตัวเองสมัยก่อนซึ่งสะท้อนแต่มุมมองอันสวยงามต่อชีวิตและธรรมชาติ นั่นเป็นงานเขียนจากวิธีคิดของคนที่พร่ำบอกตัวเองเสมอว่า ข้าพเจ้าอยากสร้างงานวรรณกรรมโดยไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ข้าพเจ้าจะไม่เขียนถึงเรื่องราวที่อิงต่อสถานการณ์ทางสังคมมากเกินไป เพราะคิดว่างานเขียนที่อิงต่อสถานการณ์ไม่สามารถข้ามผ่านกาลเวลาได้ จะต้องหมดความน่าสนใจไปพร้อมๆ กับสถานการณ์นั้น ทั้งยังมีประเด็นซึ่งเป็นข้อถกเถียงในแวดวงว่า งานประเภทใดถือว่าเก่า ประเภทใดถือว่าใหม่ งานแบบไหนถูกกล่าวหาว่าล้าหลัง งานแบบไหนถูกยกย่องว่าสมัยใหม่ กระทั่งว่าวรรณกรรมกำลังพัฒนาไปสู่สมัยใหม่ยิ่งกว่า ต่อประเด็นนี้ข้าพเจ้าได้เคยตอบตนเองเพื่อเป็นหลักคิดในการทำงานไว้เช่นกันว่า งานประเภทเพื่อชีวิตนั้นมีนักเขียนรุ่นพี่เขียนกันมามากและยาวนานเหลือเกินแล้ว ข้าพเจ้าอยากเขียนงานประเภทที่มีมุมมอง วิธีคิด และรูปแบบเป็นของข้าพเจ้าเอง ตอนนั้นข้าพเจ้าเห็นเช่นกันว่า ข้าพเจ้าเคยแน่ใจในวิธีคิดของตนเอง ว่าตกผลึกและชัดเจนดีแล้ว แต่คนเราเมื่อมีชีวิตอยู่นานเข้า ชีวิตก็มักจะให้ ความคิดอันตั้งอยู่บนมุมมองของศิลปะบอกข้าพเจ้าอย่างหนึ่ง แต่ชีวิตอันสัมพันธ์อยู่กับโลกกลับบอกข้าพเจ้าอีกอย่างหนึ่ง เมื่อนั้นเองที่วิธีคิดของข้าพเจ้าจำต้องปรับเปลี่ยน ศิลปะอาจล้าสมัยเมื่อเวลาล่วงเลย แต่ปัญหาต่างๆในโลกนี้ เป็นเรื่องน่าคิดไม่น้อย เหมือนข้าพเจ้าฝันหวานไปว่ายืนอยู่ในประเทศอารยะ ทุกเวลานาที โลกกำลังก้าวไปข้างหน้า เทคโนโลยีก้าวล้ำ อารยธรรมก้าวไกล สิ่งประดิษฐ์สร้างสรรค์จากความคิดสุดประเสริฐของมนุษย์เกิดขึ้นใหม่ทุกๆ วินาที ข้าพเจ้ารับรู้และเฝ้ามองปัญหาที่อยู่ไกลออกไปด้วยความฉงน… ทำไมนะ โลกก้าวหน้ามาถึงเพียงนี้แล้ว แต่ในบางแห่งบางที่ยังคงมีสภาพการณ์ป่าเถื่อนโบร่ำโบราณดำรงอยู่อย่างเข้มข้น ผู้คนในบางประเทศยังมีชั้นวรรณะฝังอยู่ในหัวกะโหลก ผู้คนในบางประเทศยังมีการเหยียดผิวซึมซาบเป็นเนื้อเดียวกับจิตวิญญาณ ผู้นำในบางประเทศยังใช้ระบอบเผด็จการกับประชาชนอย่างไม่สะทกสะท้านต่อนานาอารยะทั่วโลก บางแห่งบางที่ในโลกนี้ยังคงมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หลายประเทศยังคุกรุ่นด้วยไฟสงครามกลางเมือง ประชาชนทำได้เพียงกระเสือกกระสนเพื่อจะมีชีวิตอยู่แบบวันต่อวัน หิวโหย อดอยาก เจ็บป่วย หวาดกลัว และสิ้นหวัง ในประเทศที่ความป่าเถื่อนโบร่ำโบราณยึดครองเบ็ดเสร็จเช่นนี้ ข้าพเจ้าเชื่อสนิทใจว่า ไม่มีวันที่อารยธรรมจะคืบหน้าไปได้… วรรณกรรม ศิลปะ และวัฒนธรรมต่างๆ จะเกิดขึ้นได้อย่างไรเมื่อชีวิตไร้หวังและพังพินาศ เมื่อเฝ้ามองเรื่องราวเหล่านี้ ข้าพเจ้าเผลอคิดยินดีว่าดีเท่าไรแล้วที่อย่างน้อยข้าพเจ้าอยู่ในประเทศที่ไม่มีชั้นวรรณะ ไม่มีการเหยียดผิว ประเทศของข้าพเจ้าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย และเราร่วมก้าวเข้าสู่โลกอารยะจนน่าเชื่อได้ว่า ไม่มีเหตุผลใดที่ผู้นำจะสามารถยกมาอ้างเพื่อนำไปสู่การเข่นฆ่าประชาชนอย่างป่าเถื่อนได้อีก ขณะข้าพเจ้าฝันหวานว่ายืนอยู่ในประเทศอารยะ…ชีวิตยังคงกระซิบต่อไปว่า หากข้าพเจ้าจะสังเกตให้ดี ในโลกวรรณกรรม รอบตัวข้าพเจ้าเต็มไปด้วยงานเขียนสร้างสรรค์ ชี้นำถึงคุณธรรมความถูกต้อง ชี้นำถึงความรักอันยิ่งใหญ่ซึ่งบ่งบอกถึงการให้มากกว่าเห็นแก่ตัว ชี้นำถึงความเสียสละ ถึงการมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งดีงาม ถึงความทะนงตนที่จะไม่ก้มหัวให้แก่อำนาจชั่วร้าย อารยธรรมแห่งจิตวิญญาณเบ่งบานผ่านตัวหนังสือ… ทว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง คนเขียนหนังสือกลุ้มกังวลกับการไม่มีชื่อเสียง ทุกข์ทรมานกับการพลาดหวังในรางวัล สอดส่ายสายตามองหา ไม่ทันที่ข้าพเจ้าจะตระหนักได้ ว่าในสังคมที่อารยธรรมและความป่าเถื่อนดึกดำบรรพ์สามารถดำรงอยู่ในพื้นที่ ประเทศแห่งอารยะถอดหน้ากากทิ้ง กลุ่มชนซึ่งเคยเป็นตัวแทนแห่งอารยะเผยกมลสันดานอันล้าหลังป่าเถื่อนอย่างเปิดเปลือยโจ่งแจ้ง ประเทศของข้าพเจ้าไม่มีชั้นวรรณะ ทว่ากมลสันดานแห่งชนชั้นฝังรากลึกมาแต่ครั้งสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และยังคงงอกงามอยู่ในปัจจุบัน ประเทศของข้าพเจ้าไม่มีการเหยียดผิว ทว่าผู้มีการศึกษาสูงมองเห็นผู้ไร้การศึกษาเสมอสัตว์ชนิดหนึ่ง อารยธรรมที่ข้าพเจ้าเคยคิดว่ามีอยู่จริงสลายหายวับไปกับตา ศิลปะ วัฒนธรรม วรรณกรรม ซึ่งเคยเชิดหน้าชูตาและมีความพยายามขับเคลื่อนให้เกิดความก้าวหน้า ฉับพลันก็ตกอยู่ในสภาพไร้ค่า ราวกับเศษซากของขยะที่ถูกเหวี่ยงลงหลุมขนาดใหญ่ ปะปนกับผู้คนซึ่งล้วนเป็นเหยื่อแห่งความอยุติธรรม อีกครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้ายืนยันกับตนเองว่า ที่ใดป่าเถื่อน ที่นั่นย่อมห่างไกลจากอารยธรรม… เมื่อนั้นเอง ที่ข้าพเจ้าเริ่มคิดถึงความรู้สึกในเชิงสมมติของตนเองสมัยก่อน ว่าหากข้าพเจ้าเป็นพลเมืองแห่งประเทศเช่นรวันดา ในท่ามกลางสงครามชาติพันธ์ุ ในท่ามกลางกองศพ ในท่ามกลางความเกลียดชังของคนสองฝักฝ่าย ข้าพเจ้าจะสร้างงานเขียนด้วยวิธีคิดเช่นไร จะยังหวังให้ศิลปะเดินหน้าอยู่หรือไม่ เมื่อนั้นเอง ที่ข้าพเจ้าเริ่มเขียนบทกวีการเมือง รัฐบาลใหม่ได้ของขวัญจากคณะรัฐประหารให้บริหารประเทศ ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นโดยคณะรัฐประหาร และเพื่อประกาศให้โลกได้ประจักษ์อีกครั้งว่าอารยธรรมแห่งประเทศนี้ได้หมดสิ้นไปแล้วอย่างแท้จริง ผู้นำประเทศมึ ฝันร้ายของข้าพเจ้ายาวนานขึ้นทุกที แจ่มชัดขึ้นทุกขณะแม้กาลเวลาผันผ่าน ไม่ว่าข้าพเจ้าจะหลับและตื่นขึ้นสักกี่ครั้ง ข้าพเจ้ายังคงอยู่ในเมืองโบราณ นั่งเขียนบทกวีการเมืองอันมีแต่เรื่องราวล้าหลังดึกดำบรรพ์ บทกวีซึ่งไม่อาจคาดหวังถึงความก้าวหน้าทางศิลปะ แต่อาจคาดหวังได้ว่า บทกวีการเมืองเหล่านี้จะไม่ไร้ค่า ในสายตาของเหยื่ออธรรม. เดือนวาด พิมวนา ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |