ผู้ชนะใจ พิชญะ ทองทราย ผู้เขียนได้ผูกเรื่องให้ชวนฉงนไปเรียบๆ อันนับว่าเป็นกลวิธีที่มีพลังอันหนึ่งของเรื่องสั้น-อาจินต์ฯ เช้ามืด อากาศเย็นฉ่ำ ลมหนาวกระโชกปะทะตัวข้าพเจ้าเป็นระยะ เวลานี้เป็นเวลาที่ทุกชีวิตหลับไหล ขดอยู่ใต้ผ้าห่มที่แสนอุ่น อากาศปลายเดือนมกราคม ช่างไม่เป็นใจ กับการตื่นมาวิ่งออกกำลังกายเสียเลย มันน่าจะมุดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ๆ ดีแท้ แต่อุปสรรคเพียงแค่นี้ไม่สามารถทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนใจ.. ลมหนาวโชยมาปลุกระบบประสาทขุมขนให้ลุกซู่ ขัาพเจ้ากัดฟันแน่น เพื่อไม่ให้มันกระทบกันดังกึกๆ ความง่วง ความหนาวกำลังจะลากข้าพเจ้าให้กลับเข้าประตูบ้านอีกครั้ง แต่ในวินาทีนั้นเองข้าพเจ้าตัดสินใจ ก้าวย่างออกวิ่งไป ท่ามกลางความหนาวเหน็บรุมเร้าโดยรอบ นับเป็นชัยชนะครั้งหนึ่งของข้าพเจ้า บนวิถีของนักสู้ข้าพเจ้าต้องเลือก ข้าพเจ้าทนให้เจ้าไขมันอัดแน่นอยู่เต็มหน้าท้องมานานพอแล้ว เอวที่เคยกิ่ว ตะโพกที่เคยคอด อกผึ่งผายที่เคยมี กลับกลายเป็นไขมันกลมกลึงอยู่แทนเต็มไปหมด จนแทบจะหาเอวหาทรงกันไม่เจอ และบัดนี้ ข้าพเจ้าเริ่มต้นแล้ว เป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวเลยคงจะต้องใช้เวลาและความพยายามบ้าง แต่ก็คุ้ม เพื่อแลกกับรูปร่างที่เป็นแมนของข้าพเจ้ากลับคืนมา ข้าพเจ้าวิ่งเหยาะๆ มาตามทาง ความเหนื่อยยังไม่ปรากฎให้รู้สึก ท้องฟ้ายังมืดอยู่มาก หมอกปกคลุมสองข้างทาง ต้นไม้รายทางขึ้นกันเป็นหย่อมๆ แรงไฟจากเสาไฟฟ้าสาดลงมาจับร่างสันทัดของชายกลางคน ผมหยิกคนหนึ่ง เขากำลังง่วนกับจักรยานของเขาอยู่ คงจะมาปั่นจักรยานออกกำลัง ข้าพเจ้าเจ้าคิด หยุดทักซะหน่อย เพื่อคบมิตรยามเช้า “กี่รอบแล้วครับ” ข้าพเจ้าเอ่ยขึ้น “อารายกี่รอบ” “อ้าว ก็จักรยานไง ได้กี่รอบแล้ว” ข้าพเจ้าถามอีก “รอบอาราย” “ก็รอบหมู่บ้านนี้ไง จะมีรอบไหนอีกล่ะ” ข้าพเจ้าตอบ พร้อมสังเกตเห็นเข่งใบใหญ่วางบนจักรยานและมีดอีโต้เล่มโตที่บั้นเอว “รอบหมู่บ้าน” เขาเน้นเสียงสำเนียงมุสลิมบ่นขึ้นมา “โอ๊ย เปล่า ฉันจะถีบรถไปรับเนื้อวัวแล้วเอาไปขายที่ตลาดก่อนเช้า วันนี้ดันตื่นสายน่ะ ก็เลยต้องรีบหน่อย” กล่าวจบเขาก็ปั่นจักรยานจากไป ข้าพเจ้าวิ่งจากจุดนั้นมานานแล้ว แต่ในใจยังรู้สึกตะขิดตะขวงอะไรบางอย่าง เปล่า ไม่ใช่ที่ข้าพเจ้าทักเขาผิด แต่ที่เขาบอกว่าตื่นสายนี้ซิ มันอะไรกัน ก็ตอนนี้ไก่ก็ยังไม่ตื่นมาขันด้วยซ้ำ แล้วถ้าตื่นเข้าของเขาล่ะ ข้าพเจ้าเลิกคิด แล้วก้มหน้า วิ่งเหยาะๆ ต่อไป อากาศยังคงเย็นอยู่ ข้าพเจ้ารู้ถึงมันดี ลมหายใจมีไอขาวๆ พ่นออกมา บอกได้พอๆ กับใบหน้าที่เริ่มด้านชาของข้าพเจ้าปอดเริ่มต้องการอ็อกซิเจนมากขึ้น ไอเย็นสะกดไอร้อนระอุจากในตัวให้ซ่านอยู่บริเวณผิวหนัง เหงื่อเริ่มซึมซาบจับแผ่นกาย ข้าพเจ้ารู้สึกเสียดท้องเป็นครั้งแรกทั้งๆ ที่ยังไม่ทันเมื่อยขา แต่ใช่ มันเป็นธรรมดา ของคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย มักจะจุดเสียดก่อนเสมอ ข้าพเจ้าไม่หิวน้ำ คงเป็นเพราะอากาศทำให้ไม่เหนื่อยเร็ว อากาศแบบนี้คงไม่มีใครอยากโดนนำ้แน่ นำ้ที่เคยให้ความสดชื่นยามอบอ้าว เป็นมิตรที่ดี จนถึงมีคำกล่าวว่า “หนีร้อนมาพึ่งเย็น” แต่ยามนี้ คำคำนี้คงใช้ไม่ได้ น้ำในอ่างในตุ่มเย็นเฉียบเหมือนกันหมด อากาศทำให้ที่กักเก็บเหล่านี้กลายเป็นตู้เย็นไปได้ แต่ทว่าพอตื่นขึ้นข้าพเจ้าก็ได้ใช้มันล้างหน้าล้างมือล้างเท้ามาแล้วด้วยความฝืนใจอย่างถึงที่สุด ข้าพเจ้าผ่อนฝีเท้าลง เพราะข้างหน้าเป็นสะพานสูงข้ามคลอง มันสูงพอที่จะทำให้ข้าพเจ้าหยุดฝีเท้าแล้วพักประมาณกำลังตน ในลำคลอง ชายไทยเปลือยอกสองคน ก้มๆ เงยๆ งมอะไรบางอย่าง ข้าพเจ้าไม่คิดว่าเขามาออกกำลังกายแน่ แต่ด้วยความสงสัย “กำลังกู้ปลาอยู่ซิวะ ไม่มีตารึไง” หนึ่งในสองคนตอบข้อสงสัยไปบางส่วน ข้าพเจ้าวิ่งข้ามสะพานมานานแล้ว แต่ในใจยังรู้สึกสงสัยไม่หาย เปล่า ไม่ใช่สงสัยว่าเขาใช้อะไรดักปลาหรอก แต่สงสัยว่านำ้ในคลองที่ทั้งสองแช่จนเกีอบมิดหัวนั้นมันเย็นน้อยกว่านำ้ในตุ่มบ้านข้าพเจ้าสักแค่ไหน ข้าพเจ้าเลิกคิด แล้วก้มหน้าวิ่งเหยะๆ ต่อไป เสียงไก่ขันกระชั้นเข้ามาแล้ว แสงเงินแสงทองจับขอบฟ้าด้านโน้น เมฆสลัวๆ พอเห็นรางๆ หมอกเริ่มจางไปบ้าง กลิ่นดอกมะลิ กระดังงาโชยมากลิ่นหอมสดชื่น ช่วยให้สมองปลอดโปร่งแจ่มใสอย่างประหลาด ทันใด ร่างกำยำร่างหนึ่งวิ่งแซงข้าพเจ้าขึ้นไป ไม่ต้องสงสัย ชายคนนี้มาวิ่งออกกำลังแน่ ข้าพเจ้าวิ่งตามจนคู่คี่ พร้อมทักทายตามนิสัย “สวัสดีครับ” ข้าพเจ้าทัก “อ้อ ครับ สวัสดี” เขาตอบ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นรุปร่างของเขาแล้วไม่ต้องสงสัย เขาต้องเป็นนักกีฬาอะไรสักอย่างแน่ “นักมวยครับ ผมเป็นนักมวย ค่ายอยู๋ในซอยตรงสามแยกนึ้เอง” นักมวย เขาเป็นนักมวย ดีแล้ว ข้าพเจ้ามีคำถามอยากจะถามนักมวยมานานแล้วข้อหนึ่ง “ทั้งเจ็บทั้งลำบากเลยครับ แต่ทำไงได้ เพื่อปากท้อง” เขาตอบ เราจากกันตรงสามแยก ข้าพเจ้ากลับถึงบ้านนานแล้ว หลังจากกินกาแฟแล้วก็ยึดเก้าอี้โยกเป็นที่พัก ไอ้หนู ๒ คน กำลังดูการ์ตูนทีวีอย่างจดจ่อ “อย่าดูทีวีใกล้นักลูก ถอยออกมาหน่อย” เสียงดังมาจากในครัว ขณะนี้เป็นเวลาที่ข้าพเจ้าควรจะสบายใจ แต่ก็ยังตะขิดตะขวงบางอย่าง เปล่า ไม่ใช่เรื่องเรื่องลูกๆ ติดหนังการ์ตูน หากแต่ข้าพเจ้าต้องตื่นมาวิ่งเพื่อปากท้องทุกวันแล้ว ข้าพเจ้าจะทนได้นานสักเท่าใด ข้าพเจ้าครุ่นคิดจนกระทั่งผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย.. ลงในคอลัมน์ “เขาเริ่มต้น” นิตยสาร ฟ้าเมืองไทย ปีที่ ๒๐ ฉบับที่ ๑๐๑๕ วันพฤหัสบดีที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๑ หน้าปกรูป อรพรรณ พานทอง
คุณมีสินค้า 0 ชิ้นในตะกร้า สั่งซื้อทันที
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง