จากหนังสือ สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ ประจำเดือน ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ทำไมคณะกรรมการจึงเลือก”เขาชื่อกานต์”ของสุวรรณี สิทธา พินิจภูวดล งานของ”สุวรรณี” เรื่องเขาชื่อกานต์ มีกรรมการและประชาชนรวม ๔ ท่านได้เสนอแนะมาเป็นลายลักษณ์อักษร
เมื่อการพิจารณานวนิยายเริ่มขึ้น คณะกรรมการก็ตกลงกันด้วยหลักการอีกครั้งหนึ่งแล้วทุกๆ คนในคณะกรรมการก็นำงานทั้ง ๔ ชิ้นไปอ่านอีกหลายๆ ครั้ง เพื่อประเมินคุณค่าใหส้ละเอียดละออ เรามีอุปสรรคในเรื่องต้นฉบับซึ่งไม่พร้อม ไม่ครบถ้วน มี จำนวนไม่เพียงพอสำหรับแจกจ่ายให้แก่กรรมการทุกๆคน ดังนั้นจึงต้องผลัดเปลี่ยนกันอ่าน ทำให้คณะกรรมการต้องอดทนและใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก ขณะที่อ่านศึกษางานแต่ละชิ้น กรรมการแต่ละท่านก็จะวิจารณ์ตามหลักวิชาเท่าที่ตนได้รู้มาโดยพยายามข่มใจให้เป็นกลาง เป็นธรรม พยายามขจัดอคติต่างๆ ที่มีอยู่ตามวิสัยปุถุชน พยายามไม่คิดว่าผู้แต่งเป็นเพื่อน เป็นผู้ที่คุ้นเคยกัน หรือไม่เป็นอะไรกับตนเลย พยายามลืมค่านิยมของนิตยสารฉบับที่งานชิ้นนี้อาศัยเป็นสนามลงพิมพ์ เราตั้งใจพิจารณาเพ่งเล็งตรงสู่”งาน” ชิ้นนั้นอย่างตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่เราทุกคนจะสามารถทำได้ และสิ่งที่เราต้องทำคือเปรียบเทียบกับ”งาน”อื่นๆของผู้เขียนคนเดียวกันเพื่อให้มั่นใจในข้อตัดสินยื่งขึ้น
คณะกรรมการพิจารณานวนิยายได้ประเมินคุณค่างานแต่ละชิ้น โอยแยกองค์ประกอบใหญ่ๆออกเป็นเนื้อเรื่อง เค้าโครงเรื่อง สำนวนภาษา คุณค่าทุกๆด้าน เทคนิคการแต่ง การสร้างตัวละคร การสร้างฉาก ขอคิดปรัชญา หรือจุดเด่นอึ่นๆ เชิงปัญญา ความประณีตงดงามของแต่ละองค์ประกอบ ความประณึตงดงามขององค์ประกอบทั้งหมดเมื่อรวมกันเข้าแล้ว เราก็ได้พยายามมองเจาะไปทุกแง่ทุกมุม ตามสติกำลังปัญญาเท่าที่สามารถ เราคิดว่าเราได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ซึ่งเราเห็นว่ามีความสำคัญนี้อย่างเต็มฝีมือ เราโต้เถียงกันบางครั้งก็รุนแรงเพื่อจะชี้แจงแสดงความคิดของเราออกมาให้แต่ละคนเข้าใจ แน่นอนเหลือเกิน ความคิดของเราไม่ตรงกัน แง่มุมที่คณะกรรมการมองบางครั้งก็เฉียดๆ กัน บางครั้งก็เป็นตรงกันข้าม เช่น นิสัยตัวละครบางตัว ท่านหนึ่งเห็นไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่อีกท่านหนึ่งรับรองว่ามีจริงและสมจริง ต่างก็อ้างหลักฐานพยายามยืนยันตามประสบการณ์ของตน บางทีเรื่องราวตอนที่กรรมการท่านหนึ่งเห็นเป็นการบรรยายซ้ำซาก อีกท่านหนึ่งกลับเห็นว่านั่นคือการย้ำหัวตะปู เราขัดแย้งกันอย่างอิสระเต็มทที่เพื่อประเมินคุณค่าของงานที่เรากำลังพิจารณา เรามิได้หยวนยินยอมกันง่ายๆ เพื่อเอาใจกัน หรือเพื่อตัดบทตัดปัญหาให้เสร็จๆไปที เราได้เถียงกันด้วยเหตุผล จนกระทั่งอีกฝ่ายหนึ่งยอมจำนนด้วยเหตุผล แล้วเราก็ยอมรับผู้ที่สามารถแสดงเหตุผลได้หนักแน่นมากที่สุด
การประเมินคุณค่าของงานวรรณกรรมทุกครั้งที่คณะกรรมการได้ปฏิบัติมาต้องถือเป็นความลับเช่นเดียวกับการชำแหละผ่าตัดของนายแพทย์จะประเจิดประเจ้อต่อหน้าสาธารณะมิได้ ต่อเมื่องานผ่าต้ดเสร็จแล้วจึงจะบอกได้ว่าคนไข้จะรอดชีวิต หรือจะตาย
ในที่สุด เขาชื่อกานต์ ของสุวรรณี ก็รอดชีวิตออกมาจากห้องผ่าตัด โดยมี โอ้มาดา ของ สีฟ้า ไล่ตามมาห่างๆ
ส่วนดีของงานทั้งสองชิ้นมีคุณค่าสูงพอที่จะเสนอแนะต่อไปยังกรรมการที่ปรึกษาเพื่อให้ท่านกลั่นกรองซ้ำแล้วซำ้อีก อีกชั้นหนึ่ง
เราได้สรุปผลการประเมินคุณค่าที่เด่นอี่นๆ ของ เขาชื่อกานต์ ในแง่ต่างๆ หลายแง่สิ่งที่ดีเด่นที่สุดในวรรณกรรมชิ้นนี้ คือเทคนิคการแต่ง “สุวรรณี” ใช้กลวิธีแต่งแบบตรงไปตรงมาสมัยใหม่ มีลักษณะเฉพาะเป็นของตนเอง การบรรยายฉากและการบรรยายตัวละครได้ส่วนสัดไม่พร่ำเพรื่อ และไม่ห้วนสั้น โดยเฉพาะการสร้างฉาก เป็นฉาก (Setting ) ที่สวยงาม มีจำนวนมากย้ายท้องที่ฉากไปมาได้อย่างแนบเนียน ฉากมีความสำคัญประหนึ่งเป็นตัวละครตัวหนึ่งของเรื่อง เหมือนกับหิมาในฉากเรื่อง ดอกเตอร์ชิวาโก เรารู้สึกว่าหิมะและความหนาวได้มีบทบาทร่วมไปกับตัวละครที่เป็นคนเดินเหินได้ กรรมการท่านหนึ่งได้นำเนื้อความหลายตอนมาอ่านดังๆ ยืนยัน “เสน่ห์”ของฉาก (Setting) ที่”สุวรรณี”ได้วาดไว้ และชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์และตัวละครที่ออกมาในฉากนั้นมีความกลมกลืนเหมาะสมกันเพียงไร ส่วนเนื้อเรื่องก็ยังคงเป็นเรื่องเดิมที่ต่อเนื่องกัน การย้ายฉากบ่อยๆ โดยกำกับตัวละครกับเนื้อเรื่องให้เข้ากันได้ตลอดเวลานั้น ถ้าไม่ใช้ผู้มีฝีมือจริงๆ แล้ว ก็หาทำได้สำเร็จไม่
กรรมการอีกท่านหนึ่ง เห็นคุณค่าเด่นเชิงผูกเรื่องแบบ (Flash back) หรือจิตประหวัดของสุวรรณี นับเป็นศิลปะที่นักเขียนชั้นดีนิยมใช้ เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก สุวรรณีได้พาหฤทัยเข้ามาแสดง “จิตประหวัด” เห็นสิ่งของแล้วย้อนรำลึกหลังถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาโดยมีโตมรเป็นตัวเอกในเหตุการณ์ตอนนั้น
กรรมการอีกท่านหนึ่งก็เน้นเทคนิคการวาดตัวละครที่มีลักษณะเด่นชัด เป็นตัวของตัวเองสมจริง และสมเหตุผล การวาดถ้อยคำการวาดท่าทางและการวาดนิสัยของบุคคลในท้องเรื่องนั้นเต็มไปด้วยศิลปะ ผู้อ่านจะเข้าใจได้เองโดยไม่ต้องบอกตรงๆตัวละครในต่างจังหวัดกับตัวละครในกรุง มีทัศนคติต่างกันในแง่ที่เป็นไปได้ ทัศนะของแม่ของหฤทัยที่มีต่อลูกเขย และความผิดหวังก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ใครมีลูกเขยเป็นหมอ ก็หวังว่าจะรวยทรัพย์สินเงินทองกันทั้งนั้น แต่แม่ของหฤทัยต้องผิดหวังเพราะหมอกานต์รวยแต่ความดีอันเป็นอุดมคติ ตัวละครหฤทัยก็มีนิสัยเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ อดฝันถึงความหรุหราไม่ได้ และก็ย่อมเผลอสติไปบ้างตามประสาปุถุชน แต่ก็รู้ว่าคุณค่าที่แท้จริงของหมอกานต์คืออะไร
หมอกานต์เป็นรูปด้านกลับของหมอสมัยใหม่ ซึ่งทนสู้ความยากจนในเมืองไทย ในบ้านนอกที่แร้นแค้นของเมืองไทย “สุวรรณี”จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามได้สะท้อนภาพทัศนคติที่รู้ๆกันของหมอหนุ่มในสังคมไทยปัจจุบัน การฉายรูปด้านกลับ หรือการสร้างความตรงกันข้ามในวรรณกรรมชิ้นนี้มีบ่อยครั้งควบคู่กันอย่างได้ส่วนสัด เช่นภาพข้าราชการซื่อสัตย์กับภาพข้าราชการที่ทุจริต การต่อสู้เพื่อความดีนั้นมักจะหาทางชนะได้ยาก หมอกานต์ก็แพ้เช่นกันเป็นการแพ้ที่มีค่าเท่าชีวิต แต่ก่อนตาย หมอกานต์ก็ได้ทราบว่าภรรยาของเขามิได้เลวทรามบัดสี เป็นการตายที่มีความสุข เป็นการตายที่กระทันหันเหลือเกิน แต่ก็เป็นโศกนาฏกรรมที่กินใจประทับความรู้สึกของผู้อ่าน การตายของหมอกานต์ เป็น Climax ของเนื้อเรื่องและเป็นการจบเรื่องด้วย
เราโต้เถืยงถึงวิธีจบของวรรณกรรมชิ้นนี้อยู่นาน เราพยายามหยิบข้อดีข้อเสียของการจบอย่างกะทันหันน่าตกใจ เช่นนี้ออกมา เราพยายามคิดเท่าที่เราจะคิดออกว่าการจบแบบนี้ทำให้ส่วนสัดของเนื่อเรื่องเสียไปหรือไม่ ความเห็นของเราแตกต่างกันมากมาย กว่าจะมาเข้าแนวได้ เราพากันหนักศรีษะ หนักใจอึ้งงัน แต่เราทุกคนก็ยอมรักว่าเป็นการจบที่แฝงความเศร้า และความเศร้า ณ จุดนี้นักเขียนที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายก็นิยมใชักันมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว ถ้า “สุวรรณี” นำมาใช้บ้างจะไม่ได้เทียวหรือ
เค้าโครงเรื่องเป็นสิ่งที่เราสนใจน้อยที่สุดเพราะเป็นเค้าโครงธรรมดาสามัญ การเขียนเรื่องชีวิตจริง เค้าโครงเรื่องก็หนีไม่พ้นรูปนี้ ถ้าใครวาดชีวิตจริงให้หวือหวาเกินไป ก็จะไม่ได้ภาพชีวิต แต่ได้นิทาน นืยายในจินตนาการ คุณค่าก็คือการนำสิ่งธรรมดาสามัญ มาบรรยายแจกแจงไห้เด่นชัดด้วยศิลปะการเขียน การประกอบภาพ และเปลี่ยนสลับภาพให้น่าสนุกเร้าใจชวนติดตาม
คุณค่าทางสังคมเป็นประเด็นสุดท้ายที่เราพิจารณา เรามิได้มุ่งหวังในนวนิยายเป็นตำราสังคมวิทยา หรือตำราปรัชญา หรือตำราจริยศาสตร์ แต่ถ้าวรรณกรรมชิ้นใดทั้งร่องรอยภูมิปัญญาคติเตือนใจ เร้าใจให้คนทำความดีเสียสละแก่สังคมและเป็นตัวอย่างที่ยึดถือทำตามได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพิ่มขี้น เรามุ่งเน้นคุณค่า arts for arts sake ให้เด่น แต่เรามิได้ทิ้งหลักการประเมินคุณค่าศิลปะที่ประกอบกันทั้ง”be bien et le beau”
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเล่าเรื่องการตัดสินงานวรรณกรรมของคณะกรรมการเสนอแนะวรรณกรรม ประเภทนวนิยาย มิได้ตั้งใจแก้ตัว หรือแสดงความน้อยใจขมขื่นอย่างใดหามิได้ คณะกรรมการที่ยอมรับปฏิบัติงานชิ้นนี้ก็เพราะต่างมีใจรักงานวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วจึงเต็มใจยอมรับทำงานที่ต้องเสียสละให้แก่งานด้านวรรณกรรมเมื่อมีโอกาส
อันคำวิจารณ์ทั้งหลายนั้น เรารับฟังด้วยความขอบคุณ เพราะอย่างไรก็ตามย่อมให้ประโยชน์แก่คณะกรรมการเพื่อจะได้แลเห็นเงาสะท้อนของตัวเองรอบด้านยิ่งขี้น ถึงแม้บางท่านจะไม่เห็นความตั้งใจทำงานของเรา แต่เราก็ได้เห็นแล้วด้วยตัวของเราเอง.
คุณมีสินค้า 0 ชิ้นในตะกร้า สั่งซื้อทันที
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง